top of page
Search
Writer's pictureTwentyJuly

ฉายเดี่ยวเที่ยวไปเรื่อย ... Iceland

ให้ภาพมันเล่าเรื่อง โฟสนี้ขอเขียนรวมๆทุกสิ่งทุกทริปที่ไปมาของประเทศนี้ Iceland นะคะ เราไป Iceland วันที่ 25 – 29 ธันวาคม 2017 ตอนแรกที่วางแผนไว้คือกะไปดูแสงเหนืออย่างเดียวเลย ไม่เคยรู้จักอะไรมากมายในประเทศนี้สักนิด แล้วที่เลือกไปดูแสงเหนือที่นี่เพราะว่าสะดวกที่สุดแล้วสำหรับเรา จากโคเปนฮาเก้น บินตรงไป เรคยาวิค 3 ชม นิดๆ ไม่ต้องไปต่อเครื่องต่อรถไฟ เพื่อไปดูแสงเหนือแบบที่อื่นๆอย่าง นอร์เวย์ สวีเดน นี่มีความรู้สึกว่าเดนมาร์กแลดูเหมือนลูกเมียน้อยในกลุ่มแสนดิเนเวีย และกลุ่มนอร์ติก จังเลยไม่มีสิ่งเหล่านี้ …..

เริ่มจากงบประมาณก่อนเลย งบงอก มามากมาย จากแค่อยากไปดูแสงเหนือ พอศึกษาเข้าจริงที่นั่นก็อยากไปที่นี่ก็อยากไป ค่าเครื่องจ่ายแพงแล้วก็เที่ยวมันไปเลยแล้วกันให้สุดให้กระเป๋าตังค์พัง เนื่องจากเราได้วันหยุดยาวจากหัวหน้ามา ตั๋วดันมาแพงช่วงที่เราไป ค่าเครื่องนี่ช่วงที่เราไปถือว่าแพงมากในการบินในโซนยุโรปด้วยกัน เราไปสายการบิน SAS กลับด้วยสายการบิน ไอซ์แลนเดีย ขากลับนี่เราจากไอซ์แลนด์เราไปเบอลินต่อกับครอบครัวเลือกเลยต้องเลือกไฟท์เช้าตรู่ จะได้ไม่พลาดเวลาลงเรือตอนไปเบอลิน

เราไปคนเดียวเราก็ซื้อทัวร์เอาค่ะ สะดวกแบบนี้ รับส่งถึงที่ ทัวร์นี่เราใช้บริการของ GrayLine เกือบทุกโปรแกรม (อย่าลืมเสริชหาโปรโมชั่น code นะคะเผื่อนมีลดราคา) ยกเว้นทริปดำน้ำ เราใช้ของ iceland advice ส่วนรถรับส่งสนามบินเราใช้ของ Flybus เรื่องรถรับส่งสนามบิน เราเขียนรีวิวไว้ที่ Blog แล้วตามไปอ่านได้ค่ะ


 

Day 1 Reykjavik City Sightseeing Tour - By minibus / Northern Lights

วันแรกที่เราไปถึงลงจากเครื่องเช็คอินเข้าห้องพัก มีเวลาพอที่จะเตรียมตัวไป sightseeing รอบๆเมือง รถก็มารับที่หน้าโฮสเทลเลยค่ะ ลงมารอรถประมาณ 30 นาทีก่อนที่เวลาทัวร์จะเริ่ม ทัวร์นี้จะมีเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ไปกับรถตู้กรุ๊ปนี้ก็ไม่กี่คนค่ะ ทัวร์จะพาไปที่ Presidental residence at Bessastaðir ที่นี่ทำให้เราแปลกใจว่าเราสามารถเข้าไปใกลชิดคนสำคัญระดับประเทศได้ขนาดนี้เลยหรอ นักท่องเที่ยวที่ไปด้วยกันถึงขนาดไปยืนส่องมองผ่านกระจกหน้าบ้าน ไม่มีตำรวจ ไม่มีทหาร อารัคขา ไกด์บอกว่าบางทีก็อาจจะได้เห็นคนในครอบครัวออกมาขี่จักรยานกัน

Harpa concert hall เป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ต โอเปร่า จัดนิทรรศการงานประชุมต่างๆ ช่วงดึกๆจะเปิดไฟกระพริบๆสวยดีค่ะ ที่นี่เราไม่ได้เข้าไปชมข้างในเพราะวันที่เราไปเค้าปิดช่วงคริสมาสค่ะ ตอนที่ไปกับรถทัวร์นี่เหมือนมาชะโงกทัวร์ เพราะไม่ใครลงไปเลยไกด์ก็บรรยายไป เรามาตามถ่ายรูปอีกทีตอนออกมาเดินเล่นคนเดียว

View over Reykjavík city from Perlan dome ค่าทัวร์จะรวมค่าขึ้นไปชมวิวแล้วค่ะ แต่ถ้าหน้าร้อนคงสวยมากแน่ๆเพราะเห็นวิวทั่วเมืองเลย นี่ไปหน้าหนาววิวหิมะปกคลุมทั่วเมืองไปหมด



Historical Höfði building เป็นบ้านสีขาวเล็กๆ นี่ทำเลสวยดีค่ะติดทะเล มองเห็นภูเขา แล้วเค้าก็มีเรื่องเล่าสองขวัญว่าบางคืนก็ได้ยินเสียงแปลกมาจากในบ้านนี้ แต่เราเดินออกไปดึก 2คืนผ่านบ้านนี้ก็ไม่เจออะไรนะคะ เมื่อก่อนนี้เป็นของกงศุลฝรั่งเศษ แล้วทางรัฐบาลที่นี่ก็ขอซื้อต่อมาค่ะปัจจุบันก็ไม่ได้เปิดให้เข้าชมสาธารณะนะคะ ไปชะโงกมองดูหน้าบ้านได้อย่างเดียวค่ะ เค้าไว้จัดประชุม จัดงานเลี้ยงรับรอง

แปลกใจว่าทำไมเราไม่ถ่ายรูปบ้าน whitehouse มานะ จิตใจเรานี่จดจ่อกับวิวสวยๆด้านนอกมากว่า ทะเล ภูเขาสวยจริงๆ ขึ้นมาบนรถแล้วถ่ายติดวิวบ้านมานิดนิง

มีชิ้นส่วนของกำแพงเบอลินด้วยค่ะอยู่ใกล้ๆกันเลย

Hallgrímskirkja church เราไม่ได้เข้าไปในโบสถ์เลยค่ะเค้าจัดงานวันคริสมาส ช่วงกลางวันนักท่องเที่ยวถ่ายรูปเยอะ แนะนำว่าดึกๆแวะมาเดินในเมืองแล้วแวะมาถ่ายรูปอีกรอบคนไม่มีเลยคะ ที่นี่ถือว่าเป็น landmark ของเมืองเรคยาวิคเลยค่ะ

Old harbour ตอนไกด์ขับรถมารอบๆอ่าวนี่ ปักหมุดร้านอาหารทะเลที่อยากลองไว้แล้ว กะว่าคืนไหนว่างๆจะเดินมาลองทานสรุปก็ไม่ได้ลอง เพราะหลงกับแสงสี ไม่ใช่แสงสีอะไร นั่นก็คือแสงเหนือนั่นเอง เราไป 4 คืน เราเห็นแสงเหนือทุกคืนเลยค่ะ 2 คืนสุดท้ายนี่เดินเล่นรอบๆอ่าวก็เห็นแสงได้จากในเมืองเลยค่ะ

สรุป city tour นี้มีเวลา 3 ชม ทุกอย่างต้องทำงานแข่งกับเวลาค่ะ เพราะมันมืดเร็วมาก ไกด์ให้ความรู้ดี กรุ๊ปเล็กๆทำให้การจัดการคนได้ดี ทุกคนตรงต่อเวลาไม่มีใครมาช้า เพราะถ้าช้าคือสถานที่ต่อไปจะมืด มาทัวร์นี้แล้วถ้ามีเวลาควรมาเดินเล่นเก็บข้อมูลเองอีกสักรอบจะได้ไม่เสียเที่ยวค่ะ เดินเที่ยวในเมืองบ้าง เรามีเวลาเดินเที่ยวในเมืองแต่ช่วงดึกๆเองค่ะเพราะไปทัวร์กลับมาก็ดึกแล้ว ที่นี่ถ้าใครไม่ชอบทานอาหารฝรั่ง อาหารเอเซียนี่หาง่ายมาก มากกกกก ย้ำอีกรอบตัวหนาขีดเส้นใต้ด้วยว่า หาง่ายมากกกก ค่ะ ร้านที่เพื่อนๆเราแนะนำมาก็ noodle station คนเยอะมาก แต่ทางร้านจัดระบบการทำงานได้ดี เลยไม่ต้องรอนาน รสชาติสำหรับเราคือโอเค นี่เขียนไปน้ำลายไหลไป หิวมากกกก แต่เราว่าน้ำซุปออกหวานไปนิด รวมๆให้ผ่านค่ะน้ำเปล่าไม่ต้องไปซื้อนะคะเปลือง เกือบทุกร้านมีน้ำให้ดื่มฟรี ที่นี่ไม่มี สตาร์บัค เบอร์เกอร์คิง แมคโดนัล ไม่มีนะคะไม่ต้องไปหา อยากทานแกแฟเย็นให้ไปในร้านสะดวกซื้อค่ะ มีสตาร์บัคกระป๋องๆขายอยู่ แต่แพง แพงกว่าที่เดนมาร์กเยอะ ใครชอบโกโก้เย็น แนะนำค่ะยี่ห้อนี้ Cocio เป็นยี่ห้อโปรดเรา อยู่เดนมาร์กเราซื้อขวดใหญ่ติดบ้านไว้ เลยเวลาลดราคา ต้องเป็นสีเหลือง Classic ด้วยนะคะ เพราะรสชาติมันเข้มข้นอร่อยมาก อีกอันที่ออกใหม่จะเป็นแบบ Dark อันนี้ก็อร่อยแต่ไม่รู้ทาง Iceland จะมีขายหรือยัง

วันแรกไป city tour เสร็จแล้ว กลับโฮสเทลมาหาอะไรกินนิดนึง เราเตรียมมาพร้อมค่ะ มาม่า เนื้อทอด แฮะๆเพราะรู้ว่าร้านค้าปิดช่วงคริสมาส ทานเสร็จพักผ่อนแล้วก็เตรียมตัวไปดูแสงเหนือต่อเลยวันนั้น ตามไปอ่าน เรื่องราวแสงเหนือได้ที่ https://twentyjuly.wixsite.com/destination/post/northernlights วันแรกที่เรามาถึงนี่ก็ใช้เวลาคุ้มทั้งวันเลย

Day 2 The Blue Lagoon & Golden Circle with Admission / Northern Lights เมื่อคืนกลับจากดูแสงเหนือถึงโฮสเทลก็น่าจะตี 2 ตี 3 ละ แล้วเช้านี้ก็ตื่นแต่เช้าเพื่อไป แช่น้ำแร่ที่บลูลากูน เรารีวิวไปแล้วนะคะ https://twentyjuly.wixsite.com/destination/post/Bluelagoon ภาพนี้คงไม่ต้องเซนเซอร์หน้าใครนะคะ ขาวนวลกันทุกคน ตอนกลับจากบลูลากูนนี่ต้องไปต่ออีกทัวร์คือ Golden Circle ซึ่งเราดื่มด่ำการแช่ตัวอยู่ในน้ำ ไม่อยากจะขึ้นเลยจนทำให้เราไม่มีเวลาทานอาหารกลางวัน ขึ้นจากน้ำ รีบแต่งตัว นี่เลยต้องตามไกด์ว่ามีหยุดทานอะไรมั๊ย ดีว่ามีร้านอาหารในทัวร์ถัดไปเราเลยรอดตาย

ทัวร์ต่อไปเลยค่ะ Golden Circle หลักๆก็จะไป ที่ Þingvellir National Park, Gullfoss waterfall, แล้วก็ Geysir geothermal ตามที่บอกทุกอย่างต้องแข่งกับสภาพอากาศ แสงแดดจะอยู่กัยเราแค่ 4 ชม เท่านั้นในหน้าหนาว เราอยากอยู่ที่ Þingvellir National Park นานๆ เราว่ามันน่าสนใจ พวกหินพวกดิน ใครชอบด้านธรณีวิทยานี่เหมาะมาก เค้ามีเวลาให้เราน่าจะประมาณ 30 หรือ 45 นาทีนี่แหละกับสถานที่ที่ใหญ่โต และเป็น UNESCO World Heritage site แม่เจ้าขัดใจมากแต่ก็ต้องเข้าใจแสงมันจะหมดมันจะมืดค่ำค่ะ ไปถึงนี่เราเข้าร้านขายของก่อนเลยได้ทูน่าแซนวิชมาอันนึงราคาชั่งมันไม่ต้องสนใจ 5555 หิวมาก กระชวกทูน่าเข้าไป กินน้ำตาม แล้วเดินชมความงามของที่นี่ ทูน่ายังไม่ทันย่อยดี ยังเดินไม่สุดทางเลย ต้องเดินกลับขึ้นรถแล้ว ไรว้าชีวิตฉัน [endif]

เป็นคนที่มีความสุขกับตัวเองได้เสมอแม้อยู่คนเดียว เที่ยวคนเดียว หลังจากกระชวกทูน่าแซนวิสไปแล้ว ชีวิตก็ดำเนินต่อ

4 วันที่เราอยู่ที่นี่อากาศเป็นใจ อากาศดีทุกวัน หิมะไม่ตก ฝนไม่เท ไม่รวมเรื่องความหนาวนะคะเพราะมันหนาวแน่นอน




เสร็จแล้วก็มาดูน้ำพุร้อนกันต่อ สบายๆค่ะ ฉิ่งฉับทัวร์ของเรา ขอให้เราตรงเวลาพอ

ตอนที่น้ำพุร้อนขึ้นมา เราถ่ายไม่ทันเค้าหรอกค่ะ เหลือแต่ควันละค่ะ

เสร็จแล้วก็ไปชมน้ำตก Gullfoss กันต่อ ยิ่งใหญ่อลังการณ์ เห็นควรว่าเราจะต้องกลับมาซ้ำอีกแน่นอนในหน้าร้อนปีไหนสักปีแน่นอน ระหว่างทางนั่งรถกลับมองไปที่ฟ้า โห ฟ้าแบบนี้ เห็นดาวแบบนี้ โอกาสที่จะเห็นแสงเหนือมีแน่นอน แต่จำไม่ได้ว่าค่า KP ในแอป Aurora มันเท่าไหร่ เลยจัดการจองทัวร์ตอนนั้นเลยเปิดโทรศัพท์จองเสียเงินแต่ปลายนิ้ว เป็นการจองทัวร์ที่นาทีสุดท้ายมากๆ แต่ก็ไม่ผิดหวังวันนี่ก็เห็นเสงเหนืออีกครั้ง



คลิปน้ำตก Gullfoss

Day 3 Snorkeling in Silfra วันนี้ตื่นแต่เช้าอีกเช่นเคย ไปดำน้ำ ทริปนี้เขียนรีวิวไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ อ่านได้ที่ แชร์ประสบการณ์ Snorkeling หน้าหนาว ระหว่างเเผ่นเปลือกทวีปโลกที่ Silfra – Iceland https://twentyjuly.wixsite.com/destination/post/Silfra เป็นอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตที่ได้ทำ และดีใจที่ตัวเองได้ตัดสิ่งใจทำในสิ่งนี้ไม่งั้นพอกลับมาก็จะมาคิดมากอีกว่าทำไมเราไม่ทำนะ วันที่ไปดำน้ำนี่เราก็เพลียๆ มากเพราะเข้านอนดึก แล้วตื่นเช้าๆมาหลายวันติด พอหมดจบทริปดำน้ำ นี่สลบระหว่างทางกลับนี่นอนหลับยาวมาในรถเลยค่ะ ทริปนี้ยกความดีให้ไกด้สุดหล่อของเราทำหน้าที่ไกด์ พี่เลี้ยง และคนขับรถได้ดีมาก

ช่วงหัวค่ำหิวแล้วก็เดินออกมาหาอะไรทาน นี่ตั้งใจเลยว่าอาหารพื้นเมืองชั่งมันก่อนร่างกายต้องการของแซ่บๆมากๆ อยากกินกะเพราไก่ไข่ดาว อยากกินเผ็ดๆ ตรงดื่งไปร้านอาการไทย บอกขอเผ็ดๆเลยค่ะ เผ็ดแซ่บสมใจอยาก แต่สั่งผัดกะเพราไปทำไมไม่มีใบกะเพรา

ทานอาหารเสร็จเราก็เดินเล่นๆชมเมืองเค้าแล้วก็เดินมาตรงถึงตรงอ่าวจะถ่ายรูปเล่น เห็นคนถ่ายรูปแสงเหนือค่ะ เราก็ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นแสงเหนือในเมืองตื่นเต้นมาก กล้องก็ไม่ได้เอามาก็เลยเอามือถือถ่ายรูป แต่มันค้างคาใจเดินกลับไปเอากล้องที่โรงแรม ระหว่างทางก็คิดแหละว่าแสงมันจะยังอยู่ให้เราเห็นมั๊ย พอกลับมาแสงก็ยังอยู่ โชคดีจริงๆ แล้วเดินกลับโรงแรมมานอนฝันดีได้


Day 4 South Iceland, Waterfalls and Black Sand Beach

วันนี้ออกกันแต่เช้ายันเย็นเลย เวลาทัวร์วันนี้ประมาณ 10 ชม เริ่มจากการไปชมน้ำตก Skógafoss วันที่เราไปไม่เห็นสายรุ้ง ประชากรหนาแน่นมากวันนี้ เราไม่ได้เข้าใกล้น้ำตกมากกลัวลื่น เราสามารถเดินขึ้นเขาไปถ่ายรูปที่จุดชมวิวได้นะคะ เราขึ้นไปไม่ทันจะหมดเวลาแล้ว



แล้วเราก็นั่งรถต่อมาที่ Vik วิวข้างทางสวยมาก แล้วก็เดินเล่นที่ Black Sand Beach / Reynisdrangar basalt stacks





ลองดูคลิปนะคะ


มาถึงตอนนี้ก็ค่ำแล้ว พระจันทร์มาทักทายไวมาก รถก็มาจอดที่ น้ำตก Seljalandsfoss ทริปวันนี้ยาวนานเราเพลียเราหิว ตลอดทางกลับเราคิดถึงแต่ก๊วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อยวันนี้เราต้องกินให้ได้

วิวระหว่างทางนึกว่าอยู่อีกโลก

กลับเข้าเมืองเเล้วจัดทันที อยากกินต้องได้กิน ขอบอกว่าพริกแซ่บมาก

ราคาของที่ร้านค่ะ น้ำเปล่าดื่มฟรี ไม่ต้องไปสั่ง

ขากลับเราก็ไม่พลาดที่จะเดินเส้นทางเดิมเรียบอ่าวเผื่อได้เห็นแสงเหนืออีกครั้งก่อนกลับ แล้วเราก็ได้เห็นจริงๆด้วยวันนี้

ดึกอีกเช่นเคยเราเดินยิ้มแก้มปริกลับที่พัก คิดถึงตั้งแต่วันแรกที่มาถึงสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราอยากลองทำ เราได้เห็นได้ทำทุกสิ่ง เป็นทริปที่มีความสุขมาก ขอบอกเลยเราไม่เคยเหงาที่ต้องเดินทางคนเดียว เราสามารถหาเพื่อนได้ตลอดเวลาในที่ๆเราไปถ้าเราเปิดใจ

Comments


bottom of page