top of page
Search
Writer's pictureTwentyJuly

ประสบการณ์ดูแสงเหนือที่ Iceland

มาแล้ว มาแล้ว มาตามสัญญา สัญญาไว้กับเพื่อนๆในเฟสหลายคนว่าจะมาเขียนรีวิวให้ ทำตามสัญญาแล้วนะ สิ่งแรกที่ตั้งใจตั้งแต่ต้นเลยคือ การมาดูแสงเหนือ ถือเป็น Bucket List ที่บรรลุไปหนึ่งเป้าหมาย แผนการเดินทางไปเที่ยวของเราคือวันที่ 25 Dec - 29 Dec 2017 ไปดูแสงเหนือต้องไปช่วงหน้าหนาว แต่อุปสรรค์ของมันคือความหนาวและหิมะ ถ้าหิมะลงก็คือท้องฟ้าไม่เปิด วิศัยทัศน์ไม่เอื้ออำนวย ถึงแม้ค่า KP จะสูงฟ้าไม่เปิดก็จะไม่เห็นเจ้าออโรร่านะคะ ทริปนี้คือหลักๆเราไปคนเดียวแต่เพื่อนที่ทำงานตามไปจอยทัวร์ตอนดูแสงเหนือด้วย เราซื้อทัวร์ไปค่ะ ของบริษัท Grayline จริงๆมันมีหลายบริษัทให้เลือกเยอะเลย เพื่อนๆลองเสริชหาดูนะคะเอาให้เหมาะกับตัวเอง ที่เราเลือกไปกับที่นี่คือถูก ... ไปแพงแล้วไง จุดประสงค์คือเหมือนกันต้องการดูแสงเหนือ เราเรื่อยๆ เราไม่รีบ ทุกบริษัทจะไม่มีการการันตีนะคะว่าคุณจะเห็นมันหรือไม่ ต้องเข้าใจว่ามันคือปรากฎการณ์ธรรมชาติค่ะ สร้างขึ้นไม่ได้ ไปลุ้นเอาเอง ส่วนของบริษัทนี้ เค้ารับรองให้ว่าถ้าไม่เห็น ก็มาrebooking ใหม่ได้ในเวลา 2 ปี คือเก็บเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาดูใหม่ได้ 55555 ถ้าใครไม่อยากไปกับทัวร์แต่ตัวเองเช่ารถไว้แล้ว ลองวิธีนี้ค่ะ คือการขับรถตามรถของบริษัททัวร์ ที่เรารู้วิธีนี้คือ เพื่อนๆใน Hostel ที่เราพักเค้าทำกัน พวกทัวร์เค้าก็จะโปรในระดับนึงค่ะ เราได้ดูพยากรณ์อากาศช่วงคริสมาสอีฟคือใจคอไม่ดีเลย เพราะหิมะลงเพื่อนที่ไปก่อนเราบอกว่าหิมะตก

ส่วนวันที่เราไปถึงหิมะหยุดตกต้อนรับการมาเยือนของเราจร้าาาา (คิดเอง เออเอง) คือช่วง 25-29 ที่เราอยู่ที่ไอซ์แลนด์ หิมะไม่ตก แถมฟ้าเปิดทุกวันเราเห็นแสงเหนือทุกวันโชคดีมาก เราจัดโปรแกรมดูแสงเหนือตั้งแต่คืนแรกเลย คือ เราจะมีโอกาศแก้ตัวในการดูแสงเหนือได้อีก 3 คืน ทั้งหมดรวม 4 คืน คืนเเรกนี่บอกเลย งง งัน กับทัวร์มาก ไม่คิดว่ามันจะเป็นรถฉิ่งฉับทัวร์ถึงขนาดนี้ ก็คือเป็นรถทัวร์คันใหญ่ๆ คนไปเยอะมาก ๆ ต้องเข้าใจนะว่าของถูก แต่สิ่งที่ประทับใจ คือ การได้เพื่อนใหม่ๆ คุยกันในรถระหว่างขับไปดูแสงเหนือ ข้างๆเรานี่เป็นคุณยายมาจากประเทศอังกฤษ ยายบอกว่ายายอยากเห็นแสงเหนือมาก วันนี้มากับลูกสาวและหลาน หลายก็อายุประมาณ 5 ขวบยังไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ คือตามผู่ใหญ่มา ทัวร์นี้เค้าจะมีให้เราเลือก 2 รอบ คือ 2 ทุ่ม กับ 3 ทุ่ม ไปจบที่ ประมาณ ตีสอง เราเลือกช่วง 3 ทุ่ม ลงมานั่งรอทัวร์มารับประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง จะมีรถตู้มีรับที่หน้า hostel เลย พอมารับเสร็จก็ขับไปส่งที่ Grayline Terminal ก็คือบริษัทแม่ที่เราซื้อทัวร์ เราก็เข้าไปเช็คอิน เอาใบคอนเฟิร์มที่เราได้ตอบจากอีกเมล์เราไปยื่นให้เจ้าหน้าที่เช็คอินให้ เค้าก็ก็จะปริ้นท์ใบเสร็จให้ เเล้วเราก็ออกไปขึ้นรถทัวร์ ข้างหน้ารถก็จะเขียนว่าทัวร์อะไร ไปไหน ไม่ยากค่ะ เพราะช่วงกลางคืนมีแค่ทัวร์ดูแสงเหนือแค่ทัวร์เดียว พอเสร็จโปรแกรมแล้วรถก็จะไปส่งถึงที่ หรือไปส่งจุดใกล้ๆโรงแรมเรา บรรยากาศในรถทัวร์ก็ประมาณนี้เลย บอกเลยไม่ใช่แค่คันเดียว วันที่ไปนี่ประมาณ 3-4 คันได้ค่ะ ก่อนออกจากบ้านฉี่ไปให้พร้อมนะคะ :))ไม่มีจอดแวะปั๊มน้ำมัน

คืนแรกนี่ตื่นเต้นมากค่ะ อะไรทีเซตค่าในกล้องถ่ายรูปแล้วคือไม่ได้ดั่งใจ กล้องก็ไม่ได้โปร คนถ่ายก็ง่อยมากค่ะ ลนลานมากเลย บรรยากาศตอนนั้นมันมืดมากก แสงเหนือก็มารอเราตั้งแต่ก่อนจอดรถแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าวิิทยุคุยกันว่าจะไปจุดไหนแล้วบอกให้ลูกทัวร์ให้เตรียมตัว แต่ที่เราเตรียมมันยังไม่พอ พอรถจอดทุกคนแห่งลงจากรถ เรานี่สิ กล้องก็ยังไม่ได้ติดกับขาตั้งกล้อง มืดก็มืด มือก็สั่น เพราะมันหนาว ลนไปหมดชีวิตชั้น สรุป พัง!!!! รูปที่ถ่ายออกมาก็ไม่ดี ไม่ดีเลยจริงๆ อยากร้องไห้ มันมืดมากจนกล้องเรามันโฟกัสไม่ได้ ไปขอให้คนช่วยถ่ายรูปให้ให้เค้าส่งมาให้ทางอีเมล์ จนตอนนี้ยังไม่ได้รูปเลยค่ะ 5555 นี่แหละค่ะ รูปวันแรกของเรา ดีที่สุดละ 55555 รูปเดียว โมโหกับกล้องตัวเองระดับสิบ แต่ไม่เคยโมโหฝีมือระดับเทพของตัวเองเลย แฮะๆ

เราใช้ Samsung S7 edge มันยังทำหน้าที่ดีกว่ากล้องเราเยอะมาก อย่าลืมตั้งค่ากล้องแบบ Pro ตั้ง ISO ที่ 800 ของเราตั้งได้ทีี่ 800 สิ่งสำคัญมากๆๆๆๆๆๆคือ ขาตั้งกล้อง ขาตั้งกล้องง่อยๆ ไม่ต้องเอาไปให้หนักค่ะ คือเรามีไม้เซลฟี่ที่แบบ กางออกมาเป็นขาตั้งกล้องได้ กะว่าได้ใช้แน่ แต่ความเป็นจริงแล้ว ขุนพระ ขุนแผน ลมแรงระดับสิบ พัดโทรศัพท์หน้าจอแตก 5555 คือมันแตกอยู่แล้ว เราเลยไม่อะไรมาก เดี๋ยวกลับบ้านค่อนมาเคลมประกัน


วันที่สองนี่เราจองไปทัวร์ Blue Lagoon กับ Golden Circle ซึ่งมันจะเสร็จทัวร์ถึงที่พักก็ประมาณ ทุ่ม - สองทุ่ม แสงเหนือยังเป็นอะไรที่ค้างใจ คือมันยังไม่สุด ขากลับประมาณ 5 โมงเย็น เรานั่งมองท้องฟ้าในรถทัวร์ ดาวเต็มฟ้า เห็นดาวมาเต็มขนาดนี้ เปิดมือถือจองทัวร์ของบริษัทเดิม คืนนี้ยาวไกล

วันที่สองนี่ ว้าวว มากสำหรับเรา เพราะเห็นเป็นแสงเขียวๆเลย วันเเรกแค่เเสงเทาๆ คือมองจากตาปล่าวนะคะก็เห็นเป็นสีเขียว รูปก็ได้เยอะหน่อยจากมือถือ

พอคืนที่ 3 นี่กะว่าพอละจุใจกับการได้ชมแสงเหนือละ ไปทัวร์ Snorkeling ดำน้ำระหว่างเปลือกโลกของสองทวีปที่ Silfra กลับมา ตัดพ้อให้ไกด์ฟังว่าไปดูแสงเหนือมาแต่กล้องโฟกัสไม่ได้ ไกด์ขำ แนะนำว่า ให้ลองหาอะไร เป็นจุดให้กล้องเราโฟกัสได้ พอกล้องมันโฟกัสได้ ก็เอาออกแล้วกดถ่ายเลย พอได้รู้เทคนิคนี้ โหเปิดโลกอิชั้นเลย แต่คนไม่มีโอกาสดูอีกแล้วมั้งไม่ซื้อทัวร์แล้วคืนนี้ อยาว่ากันเลยนะคะคือไม่ใช้คนเล่นกล้องอะไร คืนนี้เราก็เดินออกไปทานอาหารเย็น พร้อมเดินเก็บภาพยามค่ำคืนในเมืองเค้าด้วย ไปทานร้านไทย เจ้าของร้านบอกว่าเนี๊ยะ บางทีในเมืองก็เห็นละ ก็นั่งกินไปฟังเค้าเล่าไปเพลินดี พอทานอาหารเสร็จก็เดินเล่นๆมาถึงตรงจุดชมวิวที่เป็นอ่าว เห้ยยยยยยยยกรี๊ดค่ะ แสงเหนือ คุณคะไหนในเว็บบอกว่าจะเห็นในจุดที่มืดๆ ไกลเมือง ไกลแสงรบกวน นี่ในเมืองก็เห็นได้เลย ถึงกับ live สดผ่านเฟสให้เพื่อนๆดู เพราะดีใจ 5555 แต่ว่าเพื่อนๆในเฟสมองไม่เห็นหรอกในวีดีโอ อิอิเสียดายมากคือเราไม่ได้เอากล้องออกมา ก็ใช้ซัมซุงถ่ายเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหาที่ตั้งมือถือให้ดีให้มันสั่นน้อยดีสุด คือมีความสุขในจุดที่ยืนตรงนั้นมาก วันนี้เราชิลๆมากในการถ่ายรูปแสงเหนือ ไม่ลนลานเหมือนตอนไปกับทัวร์

มันยังไม่หนำใจ รีบเดินกลับไปที่พัก เดินไปเดินกลับก็ประมาณ 20-30 นาทีได้ กลับไปเอากล้องจร้าาาา 55555 พยายามมากมั๊ย นี่ก็คิดนะว่ากลับมาจะยังเห็นแสงอีกมั๊ย แสงก็ยังรอเราอยู่ มีความสุขท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ตีหนึ่งกว่าๆถึงเดินกลับที่พักได้

คืนที่ 4 ของเราไปทัวร์ South Iceland ระหว่างทางกลับ เห็นดาวเต็มฟ้าคิดอยู่ในใจว่าคืนนี้เราต้องโชคดีอีกแน่ๆ วันนี้คืนสุดท้ายแล้วมาให้เห็นปิดท้ายเลยนะ ออกไปทานอาหารเย็น วันนี้เอาขาตั้งกล้องไปด้วยพร้อมมามาย แล้วก็ไม่ผิดหวัง แสงมาให้เห็นที่เดิมเช่นเคย นางคงมาส่งเรากลับบ้าน 5555 วันนี้ฝีมือดีขึ้นเยอะเยอะ ทั้งถ่ายด้วยมือถือและกล้อง แต่วันนี้แสงไม่ค่อยชัด แต่มองจากในเมืองก็ยังเห็น

วันนี้ชิลๆเก็บได้หลายรูป มีความสุข :)

จุดที่เราไปถ่ายแถวๆ หาด ใครมีกล้องเริ่ดๆก็จะมองเห็นภูเขาชัดๆ ภาพนี้ใช้กล้องแต่แสงเริ่มบอกลาเราแล้ว แค่นี้เราก็ดีใจมากมากกับทริปนี้ของเราที่โชคดีสามารถเห็นแสงเหนือทุกคืน

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวไปคือ - เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น - ถุงมือแนะนำถุงมือบางๆที่สามารถใช้กับหน้าจอสัมผัสได้ แล้วใส่ถุงมือหนาๆทับอีกที - โทรศัพท์ กล้องถ่ายรูปก็เตรียมเซทค่าไปให้ดี พอถึงเวลาจะได้พร้อมถ่าย - ขาตั้งกล้องสำคัญมาก เอาแบบเเข็งเเรง จงยอมแบก จงยอมหนักค่ะ ไม่ควรซื้อเเบบเบาๆบางๆ ลมพัดทีสั่นล้ม มือถือตกแตกเหมือนเรา - ทำใจว่ามันคือปรากฎการณ์ธรรมชาติ ไม่ควรคาดหวังมาก - แสงที่เราเห็นกับตาเปล่ากับภาพถ่ายจะไม่เหมือนกัน บางทีความเข้นข้นของแสงน้อยก็จะเห็นเป็นสีเทา เหมือนคืนแรกที่เราเห็นคืองงกับตัวพักนึงว่าเรามีดูอะไร แต่คืนที่สองนี่แสงออกสีเลยค่ะ แถมมีการเคลื่อนไหวด้วย มันสวยน่าตื่นเต้นมาก หวังว่าข้อมูล และประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆได้นะคะ รูปทั้งหมดเราไม่ปรับแต่งอะไรทั้งนั้นค่ะ สวยไม่สวยก็อยู่ที่สวยตาคนมอง แต่รูปทั้งหมดแรกมาด้วยความหนาว และความตั้งใจค่ะ :)


16 views0 comments

Comments


bottom of page